“อยากมีแฟน” ต้องรู้ “วิธีมีแฟน“
5 เทคนิค มีเสน่ห์ขึ้นได้ง่าย ๆ แค่รู้จัก “รักตัวเอง”
บริษัทจัดหาคู่ คนโสดโปรไฟล์ดี Bangkok Matching
หากคุณอยากมีแฟน การรักตัวเองเป็นสิ่งสำคัญสิ่งแรกเลยที่คนโสดควรทราบ เพื่อจะได้รู้วิธีมีแฟน หาแฟนให้ได้แฟนค่ะ “Self-love is the Best Love” น่าจะเป็นประโยคที่หลาย ๆ คนต้องเคยได้ยินผ่านหูผ่านตากันมาบ้างนะคะ ซึ่งแม่สื่อจากบริษัทจัดหาคู่เดท ระดับไฮเอนด์ Bangkok Matching เองก็ต้องขอยืนยันอีกหนึ่งเสียง ว่าประโยคนี้เป็นจริงที่สุดค่ะ เพราะว่าการจะรักใครสักคนและจะได้รับความรักดีๆ กลับมา เราต้องเริ่มต้นมาจากการ “รักตัวเองให้เป็น” ก่อนนะคะ เพราะถ้าหากว่าตัวเราเองยังมองหาคุณค่าในตัวเองไม่เจอ แล้วอยากจะไปมอบความรักให้คนอื่น จะทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ toxic ในรูปแบบต่าง ๆ นานาขึ้นมาได้ เช่น การมอบความรักให้อีกฝ่ายมากไปจนอึดอัด การเรียกร้องโหยหาความสนใจจากอีกฝ่ายจนมากเกินควรแบบนี้เป็นต้นค่ะ และที่สำคัญเราเองก็ต้องแยกให้ออกอีกด้วยนะคะว่า การรักตัวเองนั้นไม่ใช่การหลงตัวเอง
โดยเฉพาะในโลกปัจจุบันนี้ที่สถานการณ์รอบตัว สังคมแวดล้อม มีความบีบคั้นกดดันให้เราสูญเสียความเป็นตัวเองง่าย อ่อนไหวไปกับกระแสสังคม มาตรฐานสังคมที่บางอย่างมันช่างไกลตัว แต่เราก็ยังพยายามไขว่คว้า พยายามทำตัวให้กลมกลืน สิ่งนี้แหละค่ะที่ละลายความเป็นตัวเองไปเรื่อย ๆ กว่าจะรู้ตัวก็พังทั้งกาย พังทั้งใจ เป็นอะไรที่น่าเศร้าและหดหู่มากจริง ๆ ทั้งยังมีผลสำรวจจากโดฟ (Dove) ที่ทำการสำรวจผู้หญิงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่าในประเทศไทยของเรามีจำนวนผู้หญิงที่รู้สึกมั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเอง และกล้านิยามว่าตัวเองดูดีจริง ๆ เพียงแค่ 1% เท่านั้น แม้ว่า บางส่วนในสังคมพยายามจะส่งต่อแนวคิดทัศนคติว่า ผู้หญิงทุกคนมีความงามในแบบของตัวเองก็ตาม ไม่เว้นแม้แต่ฝั่งสหราชอาณาจักรที่มีผลสำรวจจาก Censuswide พบว่าผู้หญิงกว่า 85% ไม่คิดว่าตัวเองดึงดูดมากพอ
เห็นได้ว่าปัญหาการขาดความมั่นใจ และมองตัวเองดูดีน้อยกว่าความเป็นจริงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนชาติไหนก็ประสบปัญหาเดียวกันแทบทั้งหมด ส่วนหนึ่งนั้นก็เป็นเพราะว่า Beauty Standard ที่สังคมสร้างขึ้นทำให้เกิดการเปรียบเทียบ และไม่กล้าที่จะเรียกตัวเองว่า “ดูดี” ถ้าหากยังไม่เข้าใกล้ความงามตามมาตรฐานสังคมนั้น ส่งผลให้ความมั่นใจในผู้หญิงแทบทั่วทั้งโลกลดลงอย่างน่าใจหายเลยค่ะ เมื่อเราไม่มั่นใจเสียแล้ว ออร่าเรา เสน่ห์ภายนอกเราก็ตก อยากมีแฟนอย่างเดียว ก็ไม่ทำให้มีแฟนได้ค่ะ ดังนั้น คนโสดต้องรู้วิธีมีแฟนก่อน ว่าต้องทำอะไรเป็นการเตรียมกาย เตรียมใจตัวเองให้พร้อมในการมีแฟนค่ะ
ทฤษฎีตัวเราในกระจกดูดีกว่าตัวเราในชีวิตจริง คืออะไร ?
เมื่อไม่นานมานี้ในกระแสโซเชียลมีการยกเอาทฤษฎีเรื่อง “ตัวเราในกระจกดูดีกว่าความจริง” ขึ้นมาเป็น Topic ให้คนบนโลกอินเทอร์เน็ตเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น ซึ่งก็มีหลายคนที่ออกอาการผิดหวังและตัดพ้อติดตลกว่าในกระจกตัวฉันว่าแย่แล้ว จริง ๆ แล้วฉันยังแย่กว่าในกระจกอีกหรือ ? หรือบางคนอาจจะเห็นด้วยโดยให้ความเห็นว่า “น่าจะจริง เพราะตัวฉันในกระจกดูสวยมาก แต่พอถ่ายภาพผ่านกล้องกลับดูหมอง ๆ แย่กว่าในกระจก” ซึ่งเป็นสิ่งที่แม่สื่อไม่อยากจะให้ทุกคิดแบบนั้นเลยค่ะ ความคิดลบๆมันเป็นสิ่งที่ลดทอนความมั่นใจของเราอย่างรุนแรง เพราะจริง ๆ แล้วการที่คนเราดูต่างจากในกระจกที่ส่องนั้นก็เป็นเพราะสาเหตุดังนี้ค่ะ
- ภาพในกระจกเป็นภาพกลับด้าน จึงทำให้เราชินตากับตัวเราในด้านที่ถูกกลับใสนกระจก เมื่อเห็นตัวเองในภาพถ่ายที่ไม่กลับด้านจึงทำให้แปลกตาและคิดไปว่าตัวเองแย่กว่าในกระจก
- แสงและเงาที่ตกกระทบ ทำให้เมื่อส่องกระจกทำให้ใบหน้าของคุณดูมีมิติโดดเด่นมากกว่าในการใช้ชีวิตประจำวัน ก็เหมือนกับการถ่ายภาพนางแบบดาราที่จะต้องมีการใช้อุปกรณ์รีเฟล็กแสงเข้ามาช่วย ดังนั้นการใช้ชีวิตประจำวันหน้าคนเราก็อาจจะเปลี่ยนไปตามมุมและแสงที่ตกกระทบ เพราะคงไม่มีใครพกแผ่นรีเฟล็กติดตัวเพื่อให้หน้าตัวเองเป๊ะตลอดเวลาอยู่แล้ว ถูกต้องไหมล่ะคะ ?
- การส่องกระจกจัดท่าทางได้ เมื่อเห็นมุมที่ไม่สวยเราสามารถเปลี่ยนท่าทาง จัดมุมให้ตัวเองดูดีขึ้นได้เสมอ แต่ในการถ่ายภาพ บางครั้งเราอาจจะจัด Position ใบหน้าผิดไป แสงไม่ถึง จึงทำให้ออกมาดูไม่ดีเท่ากับในกระจก ไม่เกี่ยวกับว่าตัวเราดูดีน้อยกว่าในกระจก 5 เท่า 10 เท่าแต่อย่างใด
- การส่องกระจกเราไม่สามารถสังเกตรายละเอียดใบหน้าทุกมุม เพราะลักษณะทางกายภาพของเราเองที่ทำให้มองบางมุมของใบหน้าได้ไม่ชัดเจน ทำให้เมื่อถ่ายภาพออกมาแล้วได้เห็นในมุมหนึ่งของใบหน้าที่เราไม่ค่อยได้เห็น หรือสังเกตมาก่อน ก็ทำให้คิดไปได้ว่าตัวเรานั้นแย่กว่าภาพในกระจกนั่นเอง
ดังนั้นแล้วไม่ใช่ว่ากระจกมีความมหัศจรรย์ หรือตัวเราดูแย่กว่าในกระจกแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะคุณสมบัติบางอย่าง รวมถึงองค์ประกอบของแสง ข้อจำกัดทางกายภาพ ที่ทำให้เราเมื่อตัวเราเห็นภาพตัวเองจากรูปถ่ายจะรู้สึกได้ว่าแตกต่างจากในกระจกนั่นเองค่ะ ซึ่งมันก็เป็นเพียงข้อแตกต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ใช่ว่าในกระจกดูดีแต่ในชีวิตจริงจะแย่จนดูไม่ได้เลย แบบนั้นคือความเชื่อที่ไม่ถูกต้องที่บั่นทอนตัวเองค่ะ และอีกอย่างที่สำคัญมาก ๆ คือ คุณไม่จำเป็นต้องมีหน้าตาดี หล่อ สวย หุ่นดีเป๊ะ ถึงจะดูดีมีเสน่ห์ ความมั่นใจ ยิ้มแย้ม แจ่มใส แต่งกายดี ทัศนคติดี นิสัยน่ารัก ต่างหากค่ะ ที่จะช่วยให้ทุกคนดูดี มีเสน่ห์ค่ะ
การมี Self-Love ทำให้เราดูดีขึ้นได้จริงหรือไม่ ?
แม้ว่าการรักตัวเอง หรือ Self-love นั้นไม่ได้ทำให้ดูดีขึ้นแบบฉับพลัน หรือทำให้สวยขึ้นหล่อขึ้นราวกับทำศัลยกรรม แต่แม่สื่อ บริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching เชื่อและท้าให้ลองเลยค่ะว่าการเพิ่มความมั่นใจในตัวเองนั้นทำให้ทัศนคติและการมองโลกของคุณเปลี่ยนไป และจะส่งผลต่อบุคลิกและภาพลักษณ์ของคุณด้วย
คุณเคยเห็นบางคนที่ถ้าพิจารณาองค์ประกอบของหน้าทีละส่วนแล้วก็เรียกได้ว่าธรรมดา ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไร แต่ทำไมเขาถึงดูมีเสน่ห์ล้นเหลือจนน่าอิจฉาบ้างไหมคะ ? รู้สึกเหมือนรอบตัวเขามีออร่าอะไรบางอย่างที่ดึงดูด ทำให้อยากรู้จักและติดตาม นั่นแหละค่ะ พลังของความมั่นใจในตัวเอง นับถือตัวเอง ที่มันส่งจากภายในออกมาภายนอกให้คนอื่นได้มองเห็น
5 เทคนิคสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง
- ไม่มีใครเพอร์เฟ็คไปหมดทุกอย่าง หรือที่กล่าวไว้ว่า Nobody’s Perfect
แม้กระทั่งดารานักร้องไอดอลที่เราเห็นว่า พวกเขามีความสวยความหล่อในระดับที่เราคิดว่าถ้าหากเรามีใบหน้าแบบนั้น รูปร่างแบบนั้นเราคงพอใจมากที่สุดจนไม่อยากปรับเปลี่ยนอะไรแล้ว แต่คนเหล่านั้นก็ยังมีการปรับเสริมเติมแต่งจนบางครั้งความดูดีกลายเป็นความน่ากลัว ศัลยกรรมทำพิษ ไปจนถึงภาวะเสพติดการศัลยกรรม นั่นก็เพราะว่าโลกนี้ไม่มีคนที่เพอร์เฟ็คไปหมดทุกอย่าง คนต่างพากันวิ่งไล่ตาม Beauty Standard ที่เกิดขึ้นใหม่ในแต่ละวันอย่างไม่หยุดพัก เมื่อเราตระหนักได้ว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ 100% ไปหมด แม้กระทั่งคนที่เรามองว่าเขาสมบูรณ์แบบสุด ๆ ก็จะทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น ว่าความไม่เพอร์เฟ็คของเรานั้นเป็นเรื่องที่ปกติมาก ๆ เพราะขนาดคนที่สวยหล่อขึ้นจอทีวีขนาดนั้นยังไม่เคยพอใจในตัวเอง เราที่เป็นคนทั่วไปก็ไม่แปลกอะไรที่จะมีจุดบกพร่องตามธรรมชาติบ้าง
- ยอมรับข้อบกพร่องของตัวเอง และโอบรับสิ่งเหล่านั้นด้วยความเข้าใจ
ระดับถัดมาเมื่อเรารู้ว่าไม่มีใครเพอร์เฟ็ค ทุกคนมีข้อบกพร่องด้วยกันทั้งสิ้น เราก็สามารถเปิดใจยอมรับสิ่งที่เป็นข้อบกพร่องของตัวเราเองได้โดยไม่ต้องรู้สึกว่าข้อด้อย หรือข้อผิดพลาดเหล่านั้นเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ ต้องกำจัดทิ้ง หรือต้องปกปิดเอาไว้เสมอไป การยอมรับตัวเองได้ก็เป็นประตูขั้นแรกที่จะทำให้คนอื่นยอมรับในตัวคุณตามไปด้วยนะคะ ยกตัวอย่างเช่น ค่านิยมก่อนหน้านี้ในประเทศไทยของเราที่มองว่าคนสวยคนหล่อจะต้องมีผิวขาว ตากลมโตสองชั้น หุ่นผอมเพรียว ถ้าอยากดูดีตามมาตรฐานสังคมต้องห้ามผิดพลาดไปจากนี้ ทำให้เกิดกระแสการขาย “ครีมทาผิวเร่งขาว” “ครีมลอกผิว” “กลูต้าเร่งขาว” หรือผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ออกมาจนเกลื่อนตลาด บางคนทั้งทานทั้งทาจนเกิดเอฟเฟ็คกับร่างกาย บางคนต้องเสียเงินไปให้หมอศัลยกรรมเพราะอยากได้รับการยอมรับ แต่ตัวเองกลับไม่ยอมรับธรรมชาติของตัวเอง
เป็นกระแสที่พาสังคมไทยเอนเอียงและเกิดการถกเถียงเรื่องค่านิยมความสวยงามในสังคมอยู่ยกใหญ่ ปัจจุบันนี้คนไทยเริ่มตระหนักรู้ถึงการให้ความรักกับตัวเอง การยอมรับตัวเองมากขึ้น ใจดีกับตัวเองให้มากขึ้น ทำให้รู้ว่าแม้จะมีความแตกต่างทางสีผิว รูปร่าง บางคนอาจจะมีผิวขาวจากกรรมพันธุ์ บางคนอาจจะผิวสองสีซึ่งเป็นธรรมชาติของคนไทย บางคนมีรอยแตกลาย บางคนมีปาน (Birthmark) หรืออื่น ๆ อีกมากมาย แต่สิ่งเหล่านี้ก็คือความเป็นตัวของเราที่ไม่จำเป็นต้องปิดบัง หลบซ่อน เราสามารถ shine ในรูปแบบที่เราต้องการได้โดยไม่ต้องกังวลกรอบปลอม ๆ ของสังคมที่สร้างขึ้นโดยคนที่เราไม่รู้จักนั่นเองค่ะ
- ฝึกชื่นชมตัวเองหน้ากระจกให้ชินปาก แม้จะในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
การชื่นชมตัวเองบ้างแม้ว่าจะเป็นการสำเร็จสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น วันนี้รู้สึกว่าแต่งหน้าสวยขึ้น รู้สึกว่าคิ้วของฉันมันเป๊ะมาก แม่สื่ออยากให้คุณจ้องเข้าไปในกระจกตรงหน้าแล้วเอ่ยปากพูดแบบออกเสียงออกมาเลยค่ะ ชมตัวเองให้ตัวเองได้ยินว่าวันนี้ฉันดูดีจัง วันนี้อายไลน์เนอร์ของฉันคมเฉี่ยวสุด ๆ หรือวันนี้เสื้อผ้าของฉันโดดเด่นมาก ใส่แล้วเข้ากับร่างกายสุด ๆ การฝึกชมตัวเองแม้จะเคอะเขินบ้างในช่วงแรกสำหรับคนที่ไม่เคยเอ่ยชื่นชมตัวเองเลยสักครั้ง แต่เชื่อเถอะค่ะ ว่าเมื่อเราฝึกไปเรื่อย ๆ เราจะชื่นชมตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ และมันจะเปลี่ยน Mindset ในเรื่องการมองตัวเองของคุณไปได้ทีละน้อย รวมถึงการพูดเรื่องดี ๆ ของตัวเองเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ Law of Attraction คือการดึงดูดในสิ่งที่เราคิดหรือพูด เมื่อเราชมตัวเอง มองว่าตัวเองดูดี เก่ง โดดเด่น และมีคุณค่า เราก็จะกลายเป็นคนแบบนั้นจริง ๆ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาชื่นชมเรา หรือรอให้คนอื่นมากำหนดว่าคุณเหมาะสมกับอะไร เพราะตัวคุณเองย่อมรู้จักตัวเองมากที่สุดอยู่แล้ว ถูกไหมคะ ?
- ปรับความคิดว่า “เราคือคนพิเศษ” เพราะโลกนี้จะมีตัวคุณแค่คนเดียวเท่านั้น
ถ้าหากมาถึงข้อนี้แล้วคุณยังมองไม่เห็นความพิเศษหรือความโดดเด่นของตัวเอง ข้อนี้คือข้อเท็จจริงที่จะทำให้คุณรู้สึกถึงความพิเศษของตัวเองอย่างชัดเจน เพราะแม่สื่อจะบอกว่าคุณคือคุณคนเดียวในโลกนี้ เหมือนกับของที่เป็น Limited Edition มีเพียงชิ้นเดียวในโลก เหมือนกับสินค้าที่ผลิตเพียงชิ้นเดียวย่อมมีราคาสูงลิ่วให้คนแย่งกันครอบครอง ดังนั้นแล้วคุณเองก็คือความพิเศษเฉพาะตัวนะคะ เพราะจะไม่มีคุณเวอร์ชั่น 2 หรือคุณร่างสำรองใด ๆ เหมือนกับสินค้าอื่น ๆ บนโลก ดังนั้นถ้าหากว่าคุณมองตัวเองไม่มีค่า ไร้ค่า ไร้ตัวตน ให้คุณใช้ตัวเองมองตัวเอง ให้คุณค่ากับตัวเองว่าตัวคุณนั้นมีอะไรมากกว่าที่คนอื่นเห็น
- อย่าปล่อยให้คนอื่นมาตัดสิน หรือกำหนดความมีคุณค่าในตัวคุณ
เพราะทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง อย่าให้คนอื่นมาลดทอนความมั่นใจในตัวของคุณ หรือปล่อยให้ความคิดเห็นของคนอื่นมาตีกรอบกำหนดว่าคุณมีคุณค่าในตัวเองมากน้อยแค่ไหน เมื่อคุณมีความรักและเคารพตัวเองมากพอ การมองเห็นคุณค่าในตัวเองก็จะเกิดขึ้นตามมา คุณจะเข้าใจความสุขที่เกิดขึ้นจากการมองเห็นคุณค่าในตัวเองโดยไม่ต้องร้องขอจากใคร
ดังนั้น หากคุณอยากมีแฟน บทความนี้ก็เป็นสิ่งที่แม่สื่อ บริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching ต้องการที่จะสื่อไปยังทุกคนว่าคนเราไม่จำเป็นต้องยึดติดว่าต้องมีใบหน้า รูปร่าง ที่ตรงกับบิวตี้สแตนดาร์ดของสังคมที่บางทีมันคือการทำร้ายตัวเองทางอ้อม เพียงแค่คุณมีความมั่นใจที่ถูกต้อง มองโลก มองตัวเองในทิศทางที่ดี พลังดี ๆ เหล่านี้ก็จะสะท้อนออกมาภายในสู่ภายนอกให้คุณเป็นคนมีเสน่ห์เหลือล้นได้แล้วค่ะ บริษัทจัดหาคู่เดทระดับไฮเอนด์ Bangkok Matching ยินดีเป็นสื่อกลางในการตามหารักแท้และคนที่ใช่ให้กับคุณในทุก ๆ มิติ โดยมีแม่สื่อมืออาชีพพร้อมปรับรูปลักษณ์ใหม่ให้คุณดูดีทั้งภายนอกและภายใน พร้อมเปิดรับคนที่ใช่ให้หัวใจของคุณค่ะ และแม่สื่อ Bangkok Matching หวังว่าบทความนี้จะทำให้คนโสดที่อยากมีแฟน ได้รู้วิธีมีแฟนนะคะ
อ้างอิงข้อมูล
https://geehair.com/blogs/blog/self-confidence-statistics-uk-2021-2022
https://mono29.com/life/395210.html#google_vignette
บทความอื่นๆ เกี่ยวกับบริษัทจัดหาคู่ Bangkok Matching
“บริษัทจัดหาคู่” Bangkok Matching ชี้ หนุ่มตี๋-สาวหมวย นำโด่งสเปกแฟนแห่งปี 2567 | สนามข่าว 7 สี